“เรือลอยอังคาร” พาหนะสุดท้ายแห่งสัมปรายภพ
หลายคนมองว่าความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ารื่นรมย์นัก เราจึงหวาดกลัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับความตายไม่ใช่น้อย แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญก็ตาม คนไทยมีความเชื่อเรื่องความตายตามหลักของพุทธศาสนาที่บอกไว้ว่า ความตายคือการดับสูญของขันธ์ 5 อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ หลงเหลือไว้เพียงแค่เถ้าถ่าน หรือก็คืออังคารนั่นเอง การลอยอังคารโดยใช้บริการจากเรือลอยอังคารจึงเริ่มเกิดขึ้น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ความเชื่อเรื่องการนั่งเรือกับความตายและการนั่งเรือลอยอังคารเพื่อส่งดวงวิญญาณสู่สัมปรายภพ
ชาวตะวันตกมีความเชื่อเรื่องของการนั่งเรือกับความตาย โดยมีสำนวนเก่าแก่ราว 400 ปีที่แล้วสำนวนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “to take the ferry” ในยุคกรีกโบราณเชื่อกันว่าเมื่อคนเราตายไปแล้วนั้น ดวงวิญญาณจะเดินทางไปสู่ยมโลก หรือโลกหลังความตาย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นดินแดนของเทพเฮดิส ระหว่างนั้นดวงวิญญาณจะต้องข้ามแม่น้ำแอเครอนไปให้ได้ โดยการนั่งเรือข้ามฟากที่พายโดยแครอน และมีค่าโดยสารเป็นเงินปากผีที่ใส่ไว้ในศพผู้ตายนั่นเอง การนั่งเรือข้ามฟากจึงเป็นคำพูดแทนอ้อม ๆ ถึงความตาย หรือถ้าคนไหนที่ตายก็จะพูดกันว่าคนคนนั้นได้นั่งเรือข้ามฟากไปสู่ยมโลกแล้ว
เช่นเดียวกับชาวฮินดูที่เชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์นั้นประกอบด้วยธาตุหลักทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อร่างกายสูญสลาย ก็ควรได้กลับไปสู่สภาพเดิม โดยเชื่อกันว่าธาตุน้ำเป็นสิ่งสงบ เย็น และชุ่มชื่น อีกทั้งน้ำยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสรรพชีวิตบนโลก การที่ดวงวิญญาณของผู้ตายจะไปสู่สัมปรายภพได้นั้นจะต้องได้รับความสงบร่มเย็นดั่งสายน้ำ จึงมีการนั่งเรือลอยอังคารนำอัฐิและเถ้าถ่านไปลอยในแม่น้ำ หรือทะเล เพื่อให้ผู้ตายเดินทางไปสู่สัมปรายภพด้วยความฉ่ำเย็น
การนั่งเรือลอยอังคารและพิธีลอยอังคารที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน
ปัจจุบันผู้คนนิยมลอยอังคารกันมากขึ้น โดยนิยมปฏิบัติดังนี้
1.เริ่มต้นพิธีด้วยการบูชาแม่ย่านางเรือ โดยผู้ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีจะลงเรือลอยอังคารแล้วนำดอกไม้สด ธูปเทียนในพานจุดบูชาแม่ย่านางเรือที่บริเวณหัวเรือ เพื่อกล่าวบูชาและขออนุญาตก่อนจะนำเถ้ากระดูกขึ้นเรือ และออกเรือไปยังจุดที่ต้องการ
2.บูชาเถ้ากระดูกที่นำมาลอย โดยเมื่อเรือลอยอังคารแล่นมาถึงจุดทำพิธี จะมีการเปิดภาชนะที่ใส่อังคาร สรงด้วยน้ำอบ แล้วโรยด้วยดอกไม้ เช่น มะลิ กลีบกุหลาบ และดอกไม้อื่น ๆ จากนั้นจะห่อเถ้ากระดูกด้วยผ้าขาว ผูกด้วยสายสิญจน์ และพวงมาลัย บรรดาญาติจะได้รับดอกกุหลาบคนละ 1 ดอก
3.บูชาเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดร พิธีนี้จะมีการจัดเตรียมเครื่องบูชาอันประกอบไปด้วยกระทงดอกไม้เจ็ดสี 1 กระทงธูป 7 ดอก เทียนหนัก 1 บาท 1 เล่ม พานโตกขนาดกลาง 1 ใบสำหรับวางกระทงดอกไม้เจ็ดสี โดยประธานจะเป็นผู้กล่าวบูชาและขอฝากเถ้ากระดูกไว้กับเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดร
4.เริ่มพิธีลอยอังคารโดยประธานจะโยนเหรียญลงทะเลเพื่อซื้อที่ตามความเชื่อ จากนั้นจะลอยกระทงดอกไม้เจ็ดสี และเถ้าอังคารบนผิวน้ำ โดยผู้ร่วมพิธีทุกคนจะถือสายสิญจน์ไว้ในมือ ก่อนจะตามมาด้วยดอกกุหลาบ ธูปเทียน และสิ่งของที่เหลืออื่น ๆ จากการบูชา จากนั้นเรือจะแล่นวนซ้าย 3 รอบ ถือเป็นการเสร็จสิ้นพิธีการ
พิธีการลอยอังคารเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่จำเป็นที่จะต้องกระทำในทุกครั้งเมื่อมีผู้เสียชีวิต บางครอบครัวอาจต้องการเก็บเถ้ากระดูกเอาไว้เพื่อบูชา แต่ถึงกระนั้นเรือลอยอังคารก็ถือเป็นพาหนะสุดท้ายที่ทำหน้าที่ส่งดวงวิญญาณของคนที่รักไปสู่สัมปรายภพ…บ้านอันแท้จริงของสรรพสิ่งทั้งปวง
5 วัดที่นิยมนั่งเรือไปทำพิธีลอยอังคารของจังหวัดนนทบุรี
นนทบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก และเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ในเส้นทางการไหลของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางหลักที่นิยมทำพิธีลอยอังคารกันมาก อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่มีวัดอยู่มากมายหลากหลายแห่ง และแต่ละแห่งต่างล้วนเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่โบราณแทบทั้งสิ้น วันนี้เรามี 5 วัดที่นิยมนั่งเรือลอยอังคารไปทำพิธีลอยอังคารของจังหวัดนนทบุรีมาฝาก
5 วัดที่นิยมนั่งเรือลอยอังคารในจังหวัดนนทบุรี
1.วัดกู้ หรือวัดพระนางเรือล่ม
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ความสำคัญของวัดนี้อยู่ตรงที่บริเวณริมน้ำหน้าวัด คือจุดที่เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีในรัชกาลที่ 5 ล่ม จึงเป็นที่มาของชื่อวัดพระนางเรือล่ม ภายในวัดยังคงเก็บเรือพระที่นั่งที่อับปางเอาไว้ด้วย ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์อายุหลายร้อยปี จุดจอดเรือลอยอังคารบริเวณวัดนี้จะอยู่ตรงหน้าวัด ซึ่งเป็นพระตำหนักพระนางเรือล่ม ระยะเวลารวมพิธีไป-กลับประมาณ 30 นาที
2.วัดเชิงเลน
วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดที่จุดที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระประธานซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย จุดกราบขอพรองค์พญานาคราชหรือเสด็จปู่ภุชงค์นาคราชในท่านั่งสมาธิปฏิบัติธรรม รูปหล่อเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ศาลเจ้าแม่ทับทิม ศาลท้าวมหาพรหม องค์พระพิฆเนศ จุดจอดเรือลอยอังคารของวัดนี้จะอยู่บริเวณสามแยกแม่น้ำหน้าวัดด้านหลังเกาะเกร็ด เป็นจุดที่ได้รับความนิยมมาก เพราะตามความเชื่อโบราณ การได้ลอยอังคารในสามแยกแม่น้ำถือว่าเป็นเส้นทาง หรือประตูไปสู่อีกภพภูมิหนึ่ง ระยะเวลารวมพิธีไป-กลับประมาณ 30 นาที
3.วัดแดงธรรมชาติ
เป็นอีกหนึ่งวัดที่ได้รับความนิยมในการเลือกเป็นจุดจอดเรือลอยอังคารเช่นกัน สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2400 ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จุดเด่นของวัดนี้ คือ พระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และอุโบสถที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตที่มีอายุกว่า 300 ปี จุดจอดเรือลอยอังคารจะอยู่บริเวณหน้าองค์หลวงพ่อปางนาคปรก 7 เศียรองค์ใหญ่ ในทิศทางน้ำลงใต้ ระยะเวลารวมพิธีไป-กลับประมาณ 40 นาที
4.วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
เป็นวัดที่อยากแนะนำมาก วัดนี้อยู่ใกล้สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ เป็นวัดธรรมยุติติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จุดจอดเรือลอยอังคารคือบริเวณทางน้ำสามแพร่งลอดผ่านสะพานมหาเจษฏาบดินทร์ ใช้เวลา 5-6 นาที
5.วัดใหญ่สว่างอารมณ์
วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตรงข้ามเกาะเกร็ด สร้างขึ้นมาราว ๆ พ.ศ. 1963 จุดเด่นของวัดคืออุโบสถที่สร้างจากศิลาแลงในสมัยสุโขทัย และตลาดริมน้ำ จุดจอดเรือลอยอังคาร คือ บริเวณท่าน้ำหน้าวัด
ใครที่วางแผนจะทำพิธีลอยอังคาร โดยการจองเรือลอยอังคาร ลองเลือกดูได้เลย ชอบใจบรรยากาศของวัดไหนก็สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความชอบเลย
รู้หรือไม่ นั่งเรือไปลอยอังคารเราก็สามารถทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักได้
สุนัขและแมวต่างก็เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของใครหลาย ๆ คน และเมื่อพวกมันจากไป ความเศร้าเสียใจก็ย่อมเกิดขึ้นกับผู้เป็นเจ้าของเช่นกัน ในอดีตเมื่อสุนัขหรือแมวต้องจบชีวิตลง ซากของมันจะต้องถูกฝังลงดิน เพื่อกันไม่ให้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันมีหลายสถานที่ที่มีบริการรับเผาศพสุนัขและแมวเช่นเดียวกับคน แถมมีบริการเรือลอยอังคารอีกด้วย เพราะเราเองต่างก็มีความเชื่อว่าสุนัขและแมวนั้นก็เป็นชีวิตหนึ่งชีวิตที่มีค่าไม่แพ้มนุษย์อย่างเรา ๆ และก็หวังว่าวิญญาณของพวกมันคงจะไปสู่ภพภูมิที่ดีเช่นเดียวกัน
วิธีการลอยอังคารสัตว์เลี้ยงแสนรักกับเรือลอยอังคาร
การลอยอังคารสัตว์เลี้ยงสามารถทำได้เช่นเดียวกับคน ปัจจุบันมีเรือลอยอังคารหลายแห่งรับจ้างลอยอังคารสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกับคน ส่วนวิธีการก็คล้ายกันแต่จะมีความยุ่งยากน้อยกว่า เมื่อเราเก็บอัฐิสัตว์เลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ให้นำห่อในผ้าขาว จากนั้นจะนำเอาเถ้าอังคารของสัตว์เลี้ยงของเราตัวนั้นใส่ลงในพาน พรมน้ำอบ และดอกไม้ ซึ่งทางผู้ให้บริการเรือลอยอังคารจะเป็นผู้เตรียมเอาไว้ให้ เมื่อเลือกจุดลอยอังคารที่เหมาะสมได้แล้ว จะมีการท่องคาถา แล้วก็โยนเหรียญซื้อที่ให้กับดวงวิญญาณของสัตว์ที่ตายตัวนั้นเช่นเดียวกับมนุษย์ ก่อนจะกล่าวอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และที่สำคัญให้กล่าวฝากดวงวิญญาณของสัตว์ตัวนั้นเอาไว้กับพระแม่คงคา ให้ท่านช่วยส่งดวงวิญญาณนั้นไปสู่ภพภูมิที่ดี จากนั้นก็ปล่อยห่อผ้าขาวที่บรรจุเถ้ากระดูกลงน้ำไป ก่อนจะโยนดอกไม้เพื่อแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
9 วัดแนะนำในการเช่าเรือลอยอังคารสัตว์เลี้ยงและทำพิธีฌาปนกิจ
9 วัดต่อไปนี้มีบริการรับจัดพิธีฌาปนกิจศพสัตว์เลี้ยงแสนรัก ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาน้องแมว ไปจนถึงสัตว์อื่น ๆ ตั้งแต่ พิธีพระสวด-เผา-ทำบุญ-ลอยอังคาร ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเช่าเรือลอยอังคาร หรือเอาอัฐิไปลอยอังคารเองก็ได้ จะมีวัดไหนบ้างลองไปดูกัน
- วัดผาสุกมณีจักร อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี
- วัดตะเคียน อ. บางกรวย จ. นนทบุรี
- วัดน้อยนอก อ. เมืองนนทบุรี จ. นนทบุรี
- วัดคลองเตยใน ซอยวัดคลองเตยใน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
- วัดทองบน ถนนพระราม 3 เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
- วัดยาง ซอยสุขุมวิท 77 เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
- วัดบางบัว ถนนพหลโยธิน 46 เขตบางเขน กรุงเทพฯ
- วัดไก่เตี้ย ซอยบรมราชชนนี 33 เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
- วัดกระทุ่มเสือปลา ซอยอ่อนนุช 67 เขตประเวศ กรุงเทพฯ
สัตว์เลี้ยงหนึ่งตัวก็เหมือนกับคนหนึ่งคนในยามที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็ต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่ เมื่อตอนสิ้นลมก็อยากที่จะไปสู่ภพภูมิที่ดีเช่นกัน และการเลือกเรือลอยอังคารสัตว์เลี้ยงก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะนำพาดวงวิญญาณนั้นไปสู่สัมปรายภพอย่างสุข สงบ และฉ่ำเย็น
บริการ “เรือลอยอังคาร” โดยเรือสปีดโบ๊ท ทางเลือกใหม่ของการส่งดวงวิญญาณ
พิธีกรรมของชาวพุทธโดยส่วนมากหลังจากที่ฌาปนกิจผู้ล่วงลับแล้ว ก็มักจะเก็บอัฐิเอาไว้เพื่อบูชา แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รับเอาความเชื่อทางศาสนาฮินดูมา นั่นคือ พิธีลอยอังคาร จากความเชื่อในเรื่องของการส่งดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ จึงเกิดพิธีลอยอังคารขึ้นมา หลายครอบครัวมองหาบริการเรือลอยอังคารเพื่อทำพิธีส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้าย และบริการที่นิยมมากในปัจจุบัน คือ บริการเรือสปีดโบ๊ทนั่นเอง การใช้เรือสปีดโบ๊ทถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ เพราะมีความสะดวกสบาย และทันสมัย
เรือลอยอังคารสปีดโบ๊ทกับการเดินทางส่งดวงวิญญาณ
การเลือกใช้เรือสปีดโบ๊ทเพื่อทำพิธีลอยอังคารเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเรือสปีดโบ๊ทมีความทันสมัย คล่องตัวในการเดินทาง อีกทั้งมีความเป็นส่วนตัว แถมบรรยากาศดี ๆ กลางทะเลอีกด้วย เรือสปีดโบ๊ทเป็นเรือโดยสารขนาดเล็กที่มีการจดทะเบียนกับกรมเจ้าท่า เจ้าของเรือต้องจดทะเบียนเพื่อขอใบอนุญาตใช้เรือ และมีเขตการเดินเรือแต่ละลำที่ชัดเจน ใช้น้ำมันเบนซินในการขับเคลื่อน เรือลอยอังคารสปีดโบ๊ท คือ การนำเรือสปีดโบ๊ทมาใช้ในการทำพิธีลอยอังคารตามประเพณีความเชื่อที่มีให้เลือกมากมายหลากหลายแห่ง
การเลือกเรือลอยอังคารสปีดโบ๊ทควรเลือกเรือที่มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยสูง ต้องเป็นเรือที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง มีประกันภัย พนักงานขับเรือต้องมีใบอนุญาตถูกต้องเช่นกัน รวมไปถึงต้องมีใบช่างเครื่องตามที่กรมเจ้าท่ากำหนดไว้ ซึ่งบริษัทให้เช่าเรือโดยส่วนมากมักจะคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อยู่แล้ว จึงไม่น่ากังวลใจมากนัก นอกจากเรื่องของตัวเรือที่นำมาให้เช่าแล้ว บริษัทที่ให้เช่าเรือต้องดำเนินการเรื่องของสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการประกอบพิธีให้แก่ผู้เช่าด้วย ได้แก่ ดอกไม้ไหว้แม่ย่านางเรือ พวงมาลัย กระทงดอกไม้ 7 สี ดอกกุหลาบและกลีบดอกไม้ ดอกไม้บูชาท้าวเวสสุวรรณ พาน โต๊ะทำพิธีและที่ตั้งรูปผู้วายชนม์ ธูป เทียน กระถางธูป เชิงเทียน ผ้าห่ออัฐิและอังคาร รวมไปถึงสิ่งที่ใช้ประกอบพิธีอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ตามที่ตกลงกันเพิ่มเติม
นอกจากนี้ภายในเรือควรติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยขณะเดินเรือ ได้แก่ เสื้อชูชีพที่ได้รับมาตรฐาน ห่วงยางชูชีพ พายตะขอเกี่ยวสำหรับช่วยคนตกน้ำ ถังออกซิเจนบริสุทธิ์ ไฟเตือนโรตาลี ไฟฉาย แตรเรือ อุปกรณ์ส่งสัญญาณ กล้องส่องทางไกล อุปกรณ์ดับเพลิง วิทยุสื่อสาร หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น ๆ รวมไปถึงเข็มทิศ และแผนที่เพื่อความปลอดภัยขณะเดินเรือเพื่อทำพิธีลอยอังคาร
การปฏิบัติตนก่อนขึ้นเรือลอยอังคารสปีดโบ๊ท
ในระหว่างขึ้นเรือลอยอังคารสปีดโบ๊ท ผู้เข้าร่วมพิธีทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพก่อนขึ้นเรือ ยืนรอให้เรือเข้าท่าในบริเวณที่ปลอดภัย หากมีเด็กเล็กเข้าร่วมด้วย ผู้ปกครองต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่หยอกล้อหรือเล่นกันขณะที่ก้าวลงเรือ และควรนั่งกระจายเพื่อให้เรือสมดุล ขณะที่ทำพิธี ผู้เข้าร่วมพิธีควรทำพิธีด้วยความสำรวม ไม่นั่งบริเวณที่อาจเกิดอันตราย เช่น บริเวณกราบเรือ ท้ายเรือ ไม่ดื่มสุราหรือสารเสพติดขณะที่ร่วมพิธี ไม่เล่น หรือกระโดดบนเรือ เพราะอาจทำให้เกิดการพลิกคว่ำหรือเสียสมดุลได้ และที่สำคัญควรเชื่อฟังคำเตือนจากเจ้าหน้าที่บนเรืออย่างเคร่งครัด
เรือลอยอังคารสปีดโบ๊ทเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการส่งดวงวิญญาณของผู้วายชนม์สู่สายน้ำตามคติความเชื่อของชาวฮินดู เพราะร่างกายของเราประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงไม่แปลกเลยที่เราจะหวนกลับคืนสู่ตัวตนเดิมเมื่อร่างกายดับสูญ การลอยอังคารจึงเปรียบเสมือนการได้กลับคืนสู่ตัวตนที่แท้จริงของเราอีกครั้งนั่นเอง
ไขข้อสงสัยเหตุใดต้องนั่งเรือไปลอยอังคารที่แม่น้ำมาตั้งแต่โบราณ
คนไทยโบราณมีความเชื่อเรื่องของการลอยอังคารมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สืบเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยได้รับคติความเชื่อมาจากศาสนาฮินดู ที่เชื่อว่าร่างกายของคนเราคือการหลอมรวมกันของธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟ เมื่อสิ้นชีวิตไร้ร่างกายก็เปรียบเสมือนกับการได้หวนกลับคืนสู่ธรรมชาติ การนั่งเรือลอยอังคารเพื่อนำเถ้ากระดูกของผู้วายชนม์คืนสู่สายน้ำนั้นก็มีขึ้นด้วยความเชื่อที่ว่าคนคนนั้นจะได้เดินทางไปสู่สัมปรายภพด้วยความชุ่มฉ่ำเฉกเช่นความเย็น และความชุ่มชื้นของสายน้ำนั่นเอง
เหตุใดต้องนั่งเรือไปลอยอังคารที่แม่น้ำ
ตามคติความเชื่อของคนไทยโบราณเชื่อกันว่าการนั่งเรือลอยอังคารในแม่น้ำจะทำให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนั้นมีความร่มเย็นเป็นสุขเสมอเหมือนกับความชุ่มฉ่ำเย็นของสายน้ำ ความเชื่อนี้มาจากประเพณีของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในประเทศอินเดียที่มีการเผาศพ แล้วนำเถ้ากระดูก หรือที่เราเรียกว่า “อังคาร” ไปลอยในแม่น้ำคงคาที่ชาวอินเดียทุกคนเชื่อกันว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งสรวงสวรรค์ การได้เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำคงคาก็เปรียบได้ว่าคนคนนั้นได้เข้าถึงสรวงสวรรค์ การหมดบาป และการได้เกิดใหม่ในโลกหน้าที่ดีกว่าเดิม สำหรับในประเทศไทยนั้นประเพณีลอยอังคารเป็นการปฏิบัติของเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น และมีการปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ก่อนที่จะเริ่มนิยมปฏิบัติแพร่หลายกันมากขึ้นในหมู่พระญาติ ชนชั้นสูง ข้าราชการ พ่อค้า และคนทั่วไป
เหตุผลที่ต้องนั่งเรือลอยอังคารก็เพราะว่าเมื่อประเพณีการลอยอังคารเริ่มได้รับความนิยม และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมากขึ้น ผู้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำจำเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะนำเถ้ากระดูกสู่สายน้ำ การเช่าเรือลอยอังคารจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการกระทำพิธีกรรมนี้นั่นเอง การใช้เรือลอยอังคารก็ต้องมีการจองกันล่วงหน้า เพราะไม่ใช่แค่มีเรือแล้วก็ลอยอังคารได้เลย แต่ต้องมีการทำพิธีการทางศาสนาก่อน ถึงจะทำการลอยอังคารได้
ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องนั่งเรือลอยอังคาร
1.เตรียมพร้อมทางด้านร่างกาย ถ้าเป็นคนที่เมาเรือ ต้องรับประทานยาแก้เมาเรือมาก่อนขึ้นเรือ และพยายามไม่มองตามขณะที่เรือแล่น เพราะจะทำให้เกิดอาการวิงเวียน หรือตาลายได้
2.เตรียมพร้อมด้านพิธีการ การลอยอังคารมีขั้นตอนของพิธีหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นพิธีการไหว้แม่ย่านางเรือ พิธีขอขมาพระแม่คงคา พระแม่ธรณี พิธีเคารพอัฐิและอังคาร พิธีซื้อที่ให้ผู้วายชนม์กับพระแม่คงคา พิธีขออนุญาตนำอัฐิลอยอังคาร และพิธีลอยอังคาร ดังนั้น ก่อนจะขึ้นเรือจะต้องมีการเตรียมพร้อมเรื่องของพิธีการในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่จำเป็นในการประกอบพิธี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ให้บริการเรือลอยอังคารจะเป็นผู้เตรียมให้ ยกเว้นสิ่งต่อไปนี้ที่จะต้องเตรียมไปเอง ได้แก่ อัฐิที่ต้องการลอยห่อผ้าขาว และเหรียญประมาณ 50 เหรียญ หรือมากกว่านั้นตามความเหมาะสม
3.ตรวจสอบเรือที่นำมาใช้ในพิธี โดยเรือที่ดีนั้นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพเรือให้ตรงตามมาตรฐานจากกรมเจ้าท่าทุกปี มีการทำประกันคุ้มครองแก่ผู้โดยสารทุกคน มีเสื้อชูชีพให้บริการ มีการดูแลด้านความสะอาด การฆ่าเชื้อโรคทุกครั้ง รวมไปถึงมีการซ่อมแซมปรับปรุงเรือให้ดูใหม่อยู่เสมอ
ความเชื่อเรื่องของการลอยอังคารจะยังคงอยู่คู่กับคนไทยไปอีกแสนนาน และการนั่งเรือลอยอังคารก็ถือเป็นอีกหนึ่งธรรมเนียมประเพณีที่ถือปฏิบัติหลังเสร็จสิ้นการฌาปนกิจเพื่อเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าดวงวิญญาณของผู้ที่รักนั้นจะถูกส่งไปยังสัมปรายภพด้วยความสุขที่แท้จริงนั่นเอง
พิธีลอยอังคารแบบทหารเรือ อาชีพทรงเกียรติกับวาระสุดท้าย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่อาศัยน่านน้ำในการดำรงชีวิต อาชีพที่อยู่กับแม่น้ำและทะเลจึงเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน อย่างเช่นอาชีพทหารเรือที่มีมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัยเป็นราชธานีมาแล้ว เพียงแต่การเรียกชื่อและหน้าที่อาจมีความแตกต่างกันไปตามยุคสมัย ทหารเรือทำหน้าที่ปกป้องน่านน้ำของประเทศอยู่บนเรือ จนกระทั่งในวาระสุดท้ายครอบครัวของพวกเขาก็อาจส่งพวกเขาอยู่บนเรือลอยอังคาร อันเป็นสถานที่ที่จะทำให้ทหารเรือนั้นได้อยู่อย่างสงบในที่ที่ร่มเย็น
เมื่อทหารเรือเสียชีวิต หลังจากนั้นต้องทำอย่างไร
ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หน้าที่ของทหารเรือคือการรักษาสิทธิและผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศ ช่วยทำให้การคมนาคมทางทะเลเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น นอกจากนี้ยังต้องสนับสนุนงานด้านการรักษาความมั่นคงของประเทศที่จะต้องส่งเสริมกองทัพเหล่าอื่น ๆ ด้วย เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน หลังจากที่ทหารเรือเสียชีวิต การจัดการพิธีศพของทหารเรือจึงควรได้รับการจัดการอย่างสมเกียรติ
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการจัดหาเรือลอยอังคาร สิ่งที่ครอบครัวของทหารเรือผู้เสียชีวิตควรทราบ ก็คือระบบระเบียบต่าง ๆ ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ ครอบครัวสามารถแจ้งรับเงินสงเคราะห์ได้ โดยเตรียมหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นต่อกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ ทั้งของทหารเรือผู้เสียชีวิตเองและสมาชิกในครอบครัวที่จะไปรับเงินสงเคราะห์นั้น
หลังจากนั้น กิจการฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งราชนาวีจะเป็นผู้จัดการขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไปเพื่อให้พิธีการจัดการศพเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยศพของทหารเรือจะได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ รับพระราชทานเพลิงศพ มีกองทหารเกียรติยศซึ่งเป็นพลแตรเป่าสัญญาณแตรนอน สื่อความหมายถึงวันคืนอันเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา หลังจากบำเพ็ญกุศลครบตามกำหนดก็จะเป็นการขอเรือลอยอังคารตามลำดับถัดไป
ลำดับพิธีการ ของการลอยอังคารแบบทหารเรือ
พิธีการลอยอังคารโดยกองทัพเรือจะมีการจัดพิธีอย่างสมเกียรติ ณ ท่าเทียบเรือลอยอังคาร หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนหลักของการลอยอังคาร 4 ขั้นตอน ได้แก่ การไหว้แม่ย่านางของเรือลอยอังคารที่จะใช้ก่อนนำอัฐิและอังคารขึ้นไปประกอบพิธีบนเรือ, การไหว้อังคารของทหารเรือผู้เสียชีวิต, การบูชาเจ้าแม่นทีและท้าวสีทันดร และการลอยอังคารเป็นลำดับสุดท้าย หลังจากนั้นพิธีกรจะกล่าวเชิญให้สมาชิกทุกคนยืนไว้อาลัยประมาณ 1 นาที แล้วจึงค่อย ๆ นำอังคารลงจากเรือลอยอังคารเพื่อลอยลงสู่ผิวน้ำ เรือจะขับวนซ้ายในบริเวณนั้น 3 รอบ ส่งดวงวิญญาณของทหารให้ไปสู่สุคติภูมิ
การทำงานไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไรก็ตาม เมื่อวันสุดท้ายมาถึงผู้คนจะจดจำในสิ่งที่ทำมากกว่าทรัพย์สินเงินนอกหรือของภายนอกที่ห่อหุ้มร่างกาย อาชีพทหารเรือก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่มีบทบาทสำคัญต่อประเทศ เรือลอยอังคารที่ใช้ส่งทหารเรือในวาระสุดท้ายของชีวิตก็เปรียบเสมือนการเดินทางครั้งสุดท้าย ซึ่งจะอยู่ในความทรงจำของครอบครัวตลอดไป
ที่มาของเรือลอยอังคาร ต้นตอประเพณีส่งผู้ล่วงลับสู่สุคติ
การลอยอังคาร เป็นหนึ่งในพิธีกรรมตามคติความเชื่อว่าจะทำให้ผู้ตายไปสู่ภพภูมิที่ดี อีกทั้งยังเป็นพิธีที่มีขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่สบายใจมากยิ่งขึ้น เพราะได้กระทำสิ่งที่ดีให้กับผู้วายชนม์แล้ว ในปัจจุบันบริการเรือลอยอังคารคือการปรับตัวของยุคสมัยอย่างหนึ่งสำหรับพิธีลอยอังคารที่มีมาอย่างยาวนาน เราเคยนึกสงสัยกันไหมว่าพิธีลอยอังคารมีมาตั้งแต่เมื่อไร
ความหมายของคำว่าอังคาร
คำว่า “อังคาร” ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายถึง เถ้าถ่านของศพที่เผาแล้ว คือตัวถ่านไม้หรือถ่านเผาไฟ ไม่ได้หมายถึงกระดูกของผู้ตายเพียงอย่างเดียวที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจกัน การลอยอังคารจึงเป็นการนำเถ้าถ่านจากการเผาศพผู้ตายไปลอยน้ำ สาเหตุที่ต้องนำอังคารไปทำพิธีอยู่บนเรือลอยอังคารกลางแม่น้ำหรือทะเลที่มีร่องน้ำลึกนั้น เป็นเพราะความเชื่อที่ว่าจะทำให้ผู้ตายได้อยู่ในสถานที่อันสงบสุข ร่มเย็น ปราศจากซึ่งสิ่งรบกวนต่าง ๆ
คติความเชื่อจากอินเดีย และประเพณีของชนชั้นสูงในไทย
ที่มาของประเพณีลอยอังคารไม่ได้เป็นประเพณีดั้งเดิมตามความเชื่อของคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ เนื่องจากในสมัยก่อนเมื่อคนไทยเผาศพผู้ตายแล้วมักนำไปฝังแล้วก่อกองดินตั้งไว้เรียกว่า สถูป หรืออีกวิธีหนึ่งคือเอาไปกองไว้กับโคนต้นไม้ กลับกันหากผู้ตายเป็นคนชนชั้นสูงก็จะสร้างพระเจดีย์ในวัดเพื่อบรรจุอัฐิธาตุไว้ภายในเจดีย์ หากมียศศักดิ์รองลงมาก็จะเป็นเจดีย์ที่อยู่ด้านนอกบริเวณวัด ไม่ได้นำพระอัฐิไปขึ้นเรือลอยอังคารในแม่น้ำแต่อย่างใด
ประเพณีลอยอังคารได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย จากความเชื่อตามศาสนาฮินดูที่ว่าแม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถชำระล้างบาปให้กับผู้ตายได้ ชาวอินเดียจึงนำศพหรือเถ้ากระดูกของผู้ตายไปลอยที่แม่น้ำคงคา เมื่อความเชื่อนี้มาถึงไทย ได้เริ่มต้นจากชนชั้นเชื้อพระวงศ์ในสมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก่อน แล้วจึงค่อยแพร่หลายในหมู่สามัญชน ในขณะที่การลอยอังคารของเชื้อพระวงศ์ยกเลิกไปแล้ว ปัจจุบันก็ยังคงมีพิธีลอยอังคารในกลุ่มคนทั่วไป ธุรกิจบริการเรือลอยอังคาร จึงเกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งมีการเตรียมพร้อมทั้งอุปกรณ์และพิธีกรรมต่าง ๆ อย่างเสร็จสรรพ ให้ญาติมิตรของผู้ตายได้ทำพิธีส่งคนที่พวกเขารักเป็นครั้งสุดท้ายอย่างดีที่สุด
การลอยอังคารไม่ใช่พิธีการที่ยุ่งยากหรือน่ากังวลเนื่องจากบริการเรือลอยอังคารช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี สิ่งที่คนที่ยังอยู่ต้องทำต่อหลังจากนั้นต่างหากที่สำคัญ การลอยอังคารก็เปรียบเสมือนกับการปล่อยวาง เข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต เป็นการเตือนสติให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทต่อไป
ไขความจริงในพิธีลอยอังคาร เถ้ากระดูกคนตายเป็นมลพิษต่อน้ำหรือไม่
ปัจจุบันเมื่อมีได้ทำการฌาปนกิจผู้ตายแล้ว หลายคนมักจะนิยมนำเถ้ากระดูกไปล่องเรือลอยอังคารแล้วลอยสู่แม่น้ำ โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยดวงวิญญาณให้จากไปอย่างสงบสุข หมดห่วง ไปสู่สรวงสวรรค์และร่มเย็นดุจดั่งสายน้ำ และยังมีความเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เมื่อสิ่งสุดท้ายที่ได้กระทำก่อนปล่อยดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติเป็นเช่นไร ก็จะทำให้เกิดใหม่เป็นไปตามสภาพนั้น อย่างการลอยอังคารสู่แม่น้ำ การเกิดใหม่ในโลกหน้าจะมีร่างกายที่สมบูรณ์ ชีวิตมีความสุข ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อ ร้อนใจ
เถ้ากระดูกหรือ อัฐิ มีสารอันตรายหรือไม่
การล่องเรือลอยอังคารแล้วลอยอัฐิผู้ล่วงลับในแม่น้ำ ยังมีหลายคนที่เข้าใจผิดและมองว่าเถ้าถ่านของกระดูกนั้นมีสารอันตรายและอาจจะทำให้แม่น้ำนั้นไม่สะอาด แต่ความเป็นจริงแล้วเถ้ากระดูกไม่ได้มีสารปนเปื้อนที่อันตรายแต่อย่างใด แม้ในขณะที่ผู้ล่วงลับนั้นมีชีวิตอยู่ แล้วเคยมีโรคประจำตัว ต้องทานยาเป็นประจำ หรือเสพของมึนเมาบ่อยแค่ไหนก็ตาม
แต่เมื่อเสียชีวิตลง และร่างถูกเผาจนเหลือกระดูกแล้ว ก็เป็นเพียงเถ้าถ่านธรรมดาเท่านั้นที่เมื่อปล่อยทิ้งบนดินก็สลายกลายเป็นอากาศ ฝังลงในดินก็กลายเป็นปุ๋ย และต่อให้ลอยลงสู่แม่น้ำก็ถูกกลืนสลายหายไป
การ “ลอยอังคาร” ควรลอยในแม่น้ำใหญ่
จริงอยู่ที่ว่าเถ้าถ่านกระดูกผู้ตายไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตต่อผู้ใด แต่เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่อยู่ร่วมกับคนหมู่มาก ต่างคนต่างความคิด หลายคนที่ใช้ชีวิตมีบ้านเรือนติดอยู่กับแม่น้ำ จะต้องมีการใช้น้ำอุปโภคและบริโภค การล่องเรือลอยอังคารอัฐิผู้ล่วงลับ จึงควรกระทำในสถานที่ที่เป็นแม่น้ำใหญ่ อยู่ห่างไกลชุมชน เป็นสายน้ำไหลผ่าน ไม่ใช่น้ำนิ่งจะดูเหมาะสมกว่า
และชาวบ้านหลายคนที่มีความเชื่อเรื่องผีสาง ก็มักจะถือเรื่องเถ้ากระดูกคนตายเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่เป็นมงคลต่อการใช้ชีวิต หากจะต้องใช้น้ำที่มีคนมาลอยอังคารผู้ล่วงลับ อาจจะเกิดความไม่สบายใจ และทำให้สุขภาพจิตเสียได้
สรุปแล้วเถ้ากระดูกไม่ได้เป็นอันตรายและมีสารเคมีเจือปน เพราะไม่อย่างนั้นคงมีกฎหมายออกมาห้ามไม่ให้ทำพิธีกรรมลอยอังคารตั้งแต่แรกแล้ว แต่หากอยากส่งจิตสุดท้ายให้กับคนที่เรารักจริง ๆ ควรจะเลือกสถานที่ล่องเรือลอยอังคารที่ห่างไกลชุมชน และเป็นแม่น้ำใหญ่จะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสภาพจิตใจของชาวบ้านใกล้เคียงและเพื่อความสบายใจของญาติผู้ล่วงลับเองด้วย
ลอยอังคารสัตว์เลี้ยง การบอกลาครั้งสุดท้ายให้กับน้องหมาน้องแมว
คนรักสัตว์ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมวและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ หากได้นำมาเลี้ยงดูก็จะเกิดความรักความผูกพัน แต่เมื่อหลีกเลี่ยงสัจธรรมของชีวิตไม่ได้ พอถึงวันต้องจากลากันอย่างไม่มีวันกลับ บางคนอาจจะนำน้องไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ภายในบ้าน หรือมีการจัดงานศพให้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายวัดที่ให้บริการเผาร่างของสัตว์เลี้ยงตามหลักศาสนาพุทธ พร้อมกับมีบริการเก็บกระดูกให้ และยังมีเรือลอยอังคารบริการพาไปโปรยเถ้ากระดูกลงในแม่น้ำใหญ่ให้อีกด้วย
การลอยอังคารสัตว์เลี้ยงผิดหลักศาสนาหรือไม่
ในช่วงแรกที่มีข่าวคนรักสัตว์จัดงานศพให้กับสัตว์เลี้ยง ทำพิธีทางศาสนาเหมือนคนทุกอย่าง มีการนิมนต์พระมานำสวดมนต์ ก็มีข้อโต้แย้งจากกลุ่มคนที่มองว่าสัตว์เลี้ยงคือสัตว์ชนิดหนึ่งว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและโอเวอร์จนเกินไป ไหนจะมีพิธีการเผา นำเถ้ากระดูกไปล่องเรือลอยอังคารเหมือนกับคนอีก
แต่ถ้าให้มองถึงแก่นแท้ของหลักศาสนาพุทธแล้ว พระพุทธเจ้าก็สอนให้เมตตาต่อทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้โดยไม่แบ่งแยก และไม่ถือตน อวดดีว่าเป็นสัตว์ประเสริฐแล้ววิเศษกว่าใคร หรือจะเป็นในหลักศาสนาคริสต์เอง พระเจ้าก็สอนให้มีความรักต่อทุกสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง และเอื้อเฟื้อ ให้อภัยแม้กระทั่งศัตรู ดังนั้น การทำพิธีกรรมทางศาสนาและล่อง เรือลอยอังคารให้สัตว์เลี้ยงที่เรารักนั้น อาจดูแปลกแยกบ้าง แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย และยังไม่ผิดกฎหมาย อีกด้วย
บอกลาลูกรักครั้งสุดท้าย ด้วยการล่องเรือลอยอังคารเพื่อให้ไปสู่สุคติ
คนที่มีสัตว์เลี้ยงจะรู้ดีว่าทั้งชีวิตของเขาเกิดมามีแค่เราเพียงคนเดียวไปจนตาย ตลอดช่วงระยะเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุด เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีอายุขัยสั้นกว่ามนุษย์ จึงต้องเป็นฝ่ายที่จากลาไปก่อน สิ่งสุดท้ายที่คนรักสัตว์หลายคนเลือกทำคือการนำเถ้ากระดูกน้อง ๆ ไปล่องเรือลอยอังคารเพื่อหวังว่าจะทำให้ดวงวิญญาณของน้องไปสู่ภพภูมิใหม่ที่สูงขึ้น ได้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตสุขสบาย และหมดห่วงในชาตินี้
แม้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการล่องเรือลอยอังคารลอยอัฐิให้น้องหมาน้องแมวนั้น ดวงวิญญาณของพวกเขาจะไปสู่สุคติหรือไม่ แต่หลายคนก็เลือกทำเพื่อความสบายใจด้วยความรัก ความผูกพันที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมา อย่างน้อยก็เป็นสิ่งดี ๆ มีคุณค่าต่อจิตใจ ที่ได้บอกลาครั้งสุดท้ายอย่างสวยงาม
ความเชื่อ “พิธีลอยอังคาร” ทำแล้วช่วยให้ดวงวิญญาณไปสู่ดินแดนอันสงบสุข
แม้ไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าคนที่ตายแล้วดวงวิญญาณจะไปอยู่ที่ไหน บ้างก็ว่าหากทำดีก็ได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากทำชั่วก็จะตกนรกชดใช้กรรม แต่ไม่ว่าจะเมื่อยังมีชีวิตอยู่จะทำกรรมดีมามากน้อยแค่ไหน ญาติผู้ล่วงลับก็ประสงค์ที่จะทำพิธีกรรมอย่างเช่นการล่องเรือลอยอังคาร เพื่อส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับให้ไปสู่ในที่สงบ และเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี แม้จะอยู่ในภพใดก็ปรารถนาให้มีชีวิตใหม่ที่ดี จึงหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เรื่อย ๆ หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
“คืนสู่สายน้ำ” เพื่อการเกิดใหม่ที่ร่มเย็น
ถ้าจะให้พูดถึง “น้ำ” ก็มีความหมายกับทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตบนโลกใบนี้ ทั้งร่างกายของคนเราที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายมากถึง 70% และน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของต้นไม้และพืชต่าง ๆ ให้เติบโต
“น้ำ” ยังหมายถึงความเย็นใจ เบาใจ ราบรื่น และในทางฮวงจุ้ยเอง สายน้ำก็มีความหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง ดังนั้น การล่องเรือลอยอังคารโปรยเถ้ากระดูกผู้ล่วงลับลงสู่แม่น้ำ จึงผสานความเชื่อความคิดในแง่บวกหลายอย่าง นอกจากจะให้ดวงวิญญาณสงบสุข ร่มเย็นในภพหน้า ดับความทุกข์ร้อนหมดสิ้นแล้วในชาตินี้ หากได้เกิดใหม่อีกครั้ง จะอุดมพร้อมไปด้วยร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และไม่ขัดสน มีทรัพย์สินเงินทองใช้
การเก็บอัฐิผู้ตายไว้ในบ้านไม่เป็นมงคล
ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อว่าการเก็บของที่พัง แตกหัก หมดอายุ รวมไปถึงเถ้ากระดูกคนที่ตายแล้วไว้ในบ้าน จะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีงามขึ้นในบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อน การทำอะไรติดขัด หรือการฝันร้ายบ่อย ๆ
ฝากดวงวิญญาณให้กับพระแม่คงคา
อีกหนึ่งความเชื่อที่สืบต่อกันมาคือ การล่องเรือลอยอังคารลอยอัฐิลงแม่น้ำ เป็นการฝากดวงวิญญาณผู้ล่วงลับให้พระแม่คงคา เทพผู้รักษาน้ำช่วยนำพาไปสู่สัมปรายภพ และเป็นการนำเถ้าถ่านของมนุษย์กลับคืนสู่ธรรมชาติตามความเชื่อของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู เนื่องจากว่ามนุษย์นั้นเกิดมาจากธรรมชาติและถูกสร้างมาจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การล่องเรือลอยอังคารนี้ ก็เปรียบเสมือนการละวาง ปล่อยวาง ไม่ยึดติดในรูปลักษณ์สังขารที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อสิ้นลมหายใจแล้วร่างกายจึงสูญสลาย เหลือเพียงเถ้าถ่านที่ไร้จิตวิญญาณเท่านั้น การระลึกถึงกันเก็บความทรงจำ และจดจำคุณงามความดีของผู้ที่ล่วงลับแล้วจึงเป็นเรื่องที่ดีของคนที่ยังอยู่มากกว่า