ไขความจริงในพิธีลอยอังคาร เถ้ากระดูกคนตายเป็นมลพิษต่อน้ำหรือไม่

ไขความจริงในพิธีลอยอังคาร เถ้ากระดูกคนตายเป็นมลพิษต่อน้ำหรือไม่

ปัจจุบันเมื่อมีได้ทำการฌาปนกิจผู้ตายแล้ว หลายคนมักจะนิยมนำเถ้ากระดูกไปล่องเรือลอยอังคารแล้วลอยสู่แม่น้ำ โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยดวงวิญญาณให้จากไปอย่างสงบสุข หมดห่วง ไปสู่สรวงสวรรค์และร่มเย็นดุจดั่งสายน้ำ และยังมีความเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เมื่อสิ่งสุดท้ายที่ได้กระทำก่อนปล่อยดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติเป็นเช่นไร ก็จะทำให้เกิดใหม่เป็นไปตามสภาพนั้น อย่างการลอยอังคารสู่แม่น้ำ การเกิดใหม่ในโลกหน้าจะมีร่างกายที่สมบูรณ์ ชีวิตมีความสุข ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อ  ร้อนใจ

เถ้ากระดูกหรือ อัฐิ มีสารอันตรายหรือไม่

การล่องเรือลอยอังคารแล้วลอยอัฐิผู้ล่วงลับในแม่น้ำ ยังมีหลายคนที่เข้าใจผิดและมองว่าเถ้าถ่านของกระดูกนั้นมีสารอันตรายและอาจจะทำให้แม่น้ำนั้นไม่สะอาด แต่ความเป็นจริงแล้วเถ้ากระดูกไม่ได้มีสารปนเปื้อนที่อันตรายแต่อย่างใด แม้ในขณะที่ผู้ล่วงลับนั้นมีชีวิตอยู่ แล้วเคยมีโรคประจำตัว ต้องทานยาเป็นประจำ หรือเสพของมึนเมาบ่อยแค่ไหนก็ตาม

แต่เมื่อเสียชีวิตลง และร่างถูกเผาจนเหลือกระดูกแล้ว ก็เป็นเพียงเถ้าถ่านธรรมดาเท่านั้นที่เมื่อปล่อยทิ้งบนดินก็สลายกลายเป็นอากาศ ฝังลงในดินก็กลายเป็นปุ๋ย และต่อให้ลอยลงสู่แม่น้ำก็ถูกกลืนสลายหายไป

การ “ลอยอังคาร” ควรลอยในแม่น้ำใหญ่

จริงอยู่ที่ว่าเถ้าถ่านกระดูกผู้ตายไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตต่อผู้ใด แต่เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่อยู่ร่วมกับคนหมู่มาก ต่างคนต่างความคิด หลายคนที่ใช้ชีวิตมีบ้านเรือนติดอยู่กับแม่น้ำ จะต้องมีการใช้น้ำอุปโภคและบริโภค การล่องเรือลอยอังคารอัฐิผู้ล่วงลับ จึงควรกระทำในสถานที่ที่เป็นแม่น้ำใหญ่ อยู่ห่างไกลชุมชน เป็นสายน้ำไหลผ่าน ไม่ใช่น้ำนิ่งจะดูเหมาะสมกว่า

และชาวบ้านหลายคนที่มีความเชื่อเรื่องผีสาง ก็มักจะถือเรื่องเถ้ากระดูกคนตายเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่เป็นมงคลต่อการใช้ชีวิต หากจะต้องใช้น้ำที่มีคนมาลอยอังคารผู้ล่วงลับ อาจจะเกิดความไม่สบายใจ และทำให้สุขภาพจิตเสียได้

สรุปแล้วเถ้ากระดูกไม่ได้เป็นอันตรายและมีสารเคมีเจือปน เพราะไม่อย่างนั้นคงมีกฎหมายออกมาห้ามไม่ให้ทำพิธีกรรมลอยอังคารตั้งแต่แรกแล้ว แต่หากอยากส่งจิตสุดท้ายให้กับคนที่เรารักจริง ๆ ควรจะเลือกสถานที่ล่องเรือลอยอังคารที่ห่างไกลชุมชน และเป็นแม่น้ำใหญ่จะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสภาพจิตใจของชาวบ้านใกล้เคียงและเพื่อความสบายใจของญาติผู้ล่วงลับเองด้วย

ลอยอังคารสัตว์เลี้ยง การบอกลาครั้งสุดท้ายให้กับน้องหมาน้องแมว

ลอยอังคารสัตว์เลี้ยง การบอกลาครั้งสุดท้ายให้กับน้องหมาน้องแมว

คนรักสัตว์ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมวและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ หากได้นำมาเลี้ยงดูก็จะเกิดความรักความผูกพัน แต่เมื่อหลีกเลี่ยงสัจธรรมของชีวิตไม่ได้ พอถึงวันต้องจากลากันอย่างไม่มีวันกลับ บางคนอาจจะนำน้องไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ภายในบ้าน หรือมีการจัดงานศพให้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายวัดที่ให้บริการเผาร่างของสัตว์เลี้ยงตามหลักศาสนาพุทธ พร้อมกับมีบริการเก็บกระดูกให้ และยังมีเรือลอยอังคารบริการพาไปโปรยเถ้ากระดูกลงในแม่น้ำใหญ่ให้อีกด้วย

การลอยอังคารสัตว์เลี้ยงผิดหลักศาสนาหรือไม่

ในช่วงแรกที่มีข่าวคนรักสัตว์จัดงานศพให้กับสัตว์เลี้ยง ทำพิธีทางศาสนาเหมือนคนทุกอย่าง มีการนิมนต์พระมานำสวดมนต์ ก็มีข้อโต้แย้งจากกลุ่มคนที่มองว่าสัตว์เลี้ยงคือสัตว์ชนิดหนึ่งว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและโอเวอร์จนเกินไป ไหนจะมีพิธีการเผา นำเถ้ากระดูกไปล่องเรือลอยอังคารเหมือนกับคนอีก

แต่ถ้าให้มองถึงแก่นแท้ของหลักศาสนาพุทธแล้ว พระพุทธเจ้าก็สอนให้เมตตาต่อทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้โดยไม่แบ่งแยก และไม่ถือตน อวดดีว่าเป็นสัตว์ประเสริฐแล้ววิเศษกว่าใคร หรือจะเป็นในหลักศาสนาคริสต์เอง พระเจ้าก็สอนให้มีความรักต่อทุกสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง และเอื้อเฟื้อ ให้อภัยแม้กระทั่งศัตรู ดังนั้น การทำพิธีกรรมทางศาสนาและล่อง เรือลอยอังคารให้สัตว์เลี้ยงที่เรารักนั้น อาจดูแปลกแยกบ้าง แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย และยังไม่ผิดกฎหมาย อีกด้วย

บอกลาลูกรักครั้งสุดท้าย ด้วยการล่องเรือลอยอังคารเพื่อให้ไปสู่สุคติ

คนที่มีสัตว์เลี้ยงจะรู้ดีว่าทั้งชีวิตของเขาเกิดมามีแค่เราเพียงคนเดียวไปจนตาย ตลอดช่วงระยะเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุด เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีอายุขัยสั้นกว่ามนุษย์ จึงต้องเป็นฝ่ายที่จากลาไปก่อน สิ่งสุดท้ายที่คนรักสัตว์หลายคนเลือกทำคือการนำเถ้ากระดูกน้อง ๆ ไปล่องเรือลอยอังคารเพื่อหวังว่าจะทำให้ดวงวิญญาณของน้องไปสู่ภพภูมิใหม่ที่สูงขึ้น ได้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตสุขสบาย และหมดห่วงในชาตินี้

แม้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการล่องเรือลอยอังคารลอยอัฐิให้น้องหมาน้องแมวนั้น ดวงวิญญาณของพวกเขาจะไปสู่สุคติหรือไม่ แต่หลายคนก็เลือกทำเพื่อความสบายใจด้วยความรัก ความผูกพันที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมา อย่างน้อยก็เป็นสิ่งดี ๆ มีคุณค่าต่อจิตใจ ที่ได้บอกลาครั้งสุดท้ายอย่างสวยงาม

ความเชื่อ “พิธีลอยอังคาร” ทำแล้วช่วยให้ดวงวิญญาณไปสู่ดินแดนอันสงบสุข

ความเชื่อ “พิธีลอยอังคาร” ทำแล้วช่วยให้ดวงวิญญาณไปสู่ดินแดนอันสงบสุข

แม้ไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าคนที่ตายแล้วดวงวิญญาณจะไปอยู่ที่ไหน บ้างก็ว่าหากทำดีก็ได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากทำชั่วก็จะตกนรกชดใช้กรรม แต่ไม่ว่าจะเมื่อยังมีชีวิตอยู่จะทำกรรมดีมามากน้อยแค่ไหน ญาติผู้ล่วงลับก็ประสงค์ที่จะทำพิธีกรรมอย่างเช่นการล่องเรือลอยอังคาร เพื่อส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับให้ไปสู่ในที่สงบ และเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี แม้จะอยู่ในภพใดก็ปรารถนาให้มีชีวิตใหม่ที่ดี จึงหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เรื่อย ๆ หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว

“คืนสู่สายน้ำ” เพื่อการเกิดใหม่ที่ร่มเย็น

ถ้าจะให้พูดถึง “น้ำ” ก็มีความหมายกับทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตบนโลกใบนี้ ทั้งร่างกายของคนเราที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายมากถึง 70% และน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของต้นไม้และพืชต่าง ๆ ให้เติบโต

“น้ำ” ยังหมายถึงความเย็นใจ เบาใจ ราบรื่น และในทางฮวงจุ้ยเอง สายน้ำก็มีความหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง ดังนั้น การล่องเรือลอยอังคารโปรยเถ้ากระดูกผู้ล่วงลับลงสู่แม่น้ำ จึงผสานความเชื่อความคิดในแง่บวกหลายอย่าง นอกจากจะให้ดวงวิญญาณสงบสุข ร่มเย็นในภพหน้า ดับความทุกข์ร้อนหมดสิ้นแล้วในชาตินี้ หากได้เกิดใหม่อีกครั้ง จะอุดมพร้อมไปด้วยร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และไม่ขัดสน มีทรัพย์สินเงินทองใช้

การเก็บอัฐิผู้ตายไว้ในบ้านไม่เป็นมงคล

ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อว่าการเก็บของที่พัง แตกหัก หมดอายุ รวมไปถึงเถ้ากระดูกคนที่ตายแล้วไว้ในบ้าน จะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีงามขึ้นในบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อน การทำอะไรติดขัด หรือการฝันร้ายบ่อย ๆ

ฝากดวงวิญญาณให้กับพระแม่คงคา

อีกหนึ่งความเชื่อที่สืบต่อกันมาคือ การล่องเรือลอยอังคารลอยอัฐิลงแม่น้ำ เป็นการฝากดวงวิญญาณผู้ล่วงลับให้พระแม่คงคา เทพผู้รักษาน้ำช่วยนำพาไปสู่สัมปรายภพ และเป็นการนำเถ้าถ่านของมนุษย์กลับคืนสู่ธรรมชาติตามความเชื่อของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู เนื่องจากว่ามนุษย์นั้นเกิดมาจากธรรมชาติและถูกสร้างมาจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การล่องเรือลอยอังคารนี้ ก็เปรียบเสมือนการละวาง ปล่อยวาง ไม่ยึดติดในรูปลักษณ์สังขารที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อสิ้นลมหายใจแล้วร่างกายจึงสูญสลาย เหลือเพียงเถ้าถ่านที่ไร้จิตวิญญาณเท่านั้น การระลึกถึงกันเก็บความทรงจำ และจดจำคุณงามความดีของผู้ที่ล่วงลับแล้วจึงเป็นเรื่องที่ดีของคนที่ยังอยู่มากกว่า

จุดเริ่มต้น “พิธีลอยอังคาร” แท้จริงแล้วมาจากศาสนาไหน

จุดเริ่มต้น “พิธีลอยอังคาร” แท้จริงแล้วมาจากศาสนาไหน

ในประเทศไทยมีผู้คนนับถือศาสนากันอย่างหลากหลาย อย่างเช่นศาสนาคริสต์, ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย ซึ่งในทางศาสนาพุทธเมื่อมีคนตายจะใช้วิธีการเผาศพ เมื่อเก็บเถ้ากระดูกแล้วบ้างก็เก็บไว้บูชาบรรพบุรุษไว้ที่บ้านเป็นที่ระลึก บ้างก็เก็บอัฐิไว้ในโกศที่สร้างเจดีย์ไว้ แต่ปัจจุบันเราจะเห็นผู้คนล่องเรือลอยอังคารโปรยเถ้ากระดูกผู้ล่วงลับลงในแม่น้ำกันมากขึ้น และหากจะให้ย้อนประวัติศาสตร์ไทย ก็ไม่ได้มีข้อมูลพบว่าการลอยอัฐินี้เป็นข้อบังคับให้ต้องทำหลังเผาศพผู้ตาย แล้วการลอยอังคารนี้เริ่มต้นมาจากไหนกันแน่

ทำไมต้องเรียกเถ้ากระดูกว่า “อังคาร”

คำว่า “อังคาร” สำหรับภาษาไทยนั้น หมายถึงวันอังคาร วันที่ 3 ของสัปดาห์ จึงทำให้คนไทยหลายคนงุนงงสับสนว่าทำไมเถ้ากระดูกถึงต้องเรียกว่า “อังคาร” แต่ความจริงแล้ว เถ้าที่เกิดจากการเผาศพแล้วกลายเป็นก้อนถ่านนั้น เป็นคำในภาษาบาลี-สันสกฤต ที่อ่านว่า องฺคาร (อัง-คา-ระ) มีความหมายว่า “ถ่าน” ที่หมายความรวมถึงถ่านที่ทั้งติดไฟและไม่ติดไฟ และเป็นความหมายเดียวกันกับเถ้ากระดูก คำว่า “อังคาร” จึงแปลว่า เถ้าถ่านที่เกิดจากกระดูกที่ถูกเผาหมดสิ้นแล้วนั่นเอง

ที่มาของการล่องเรือลอยอังคาร มีจุดเริ่มต้นมาจากไหน

ด้วยความที่วัฒนธรรมของคนไทยมักจะประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ผสมผสานมาจากศาสนาอื่นรวมอยู่ด้วย จึงมีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ ที่มาของการล่องเรือลอยอังคารนี้ มาจากแนวความเชื่อของศาสนาฮินดู ประเทศอินเดีย ที่มีวัฒนธรรมการเผาศพผู้ตายบนเชิงตะกอน แล้วปล่อยให้ลอยบนแม่น้ำ เมื่อศพถูกเผาไหม้หมดแล้วเหลือแต่เถ้ากระดูกก็จะถูกกลืนลงในแม่น้ำโดยปริยาย เป็นทฤษฎีความเชื่อที่ว่าเป็นการล้างบาปให้กับดวงวิญญาณก่อนที่จะขึ้นสวรรค์

แต่อีกแนวความเชื่อหนึ่งก็คือ พิธีการล่องเรือลอยอังคารโปรยอัฐิผู้ล่วงลับนี้ มีมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว โดยในสมัยก่อนพื้นที่อยู่อาศัยของผู้คนยังเป็นป่า ไม่มีเมรุ เมื่อมีการเผาศพทำให้เถ้ากระดูกนั้นกองอยู่บนพื้นขาวโพลนทั่วไปหมด จนกลายเป็นภาพที่ไม่น่ามอง และยังถูกเหยียบไปมาจากคนและสัตว์ จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้มีการเก็บเถ้ากระดูกไว้ โดยส่วนหนึ่งนำไปบูชาไว้ที่บ้านและอีกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ก็สร้างเจดีย์ไว้เก็บเถ้ากระดูก ส่วนชาวบ้านธรรมดาก็จะนำเถ้ากระดูกนั้นไปโปรยลงแม่น้ำ

หากมองภาพรวมแล้ว จุดเริ่มต้นของการล่องเรือลอยอังคารมีความเป็นไปได้ทั้งสองแนวคิด แต่ถ้าย้อนกลับมามองที่ปัจจุบันแล้ว การลอยอัฐิลงแม่น้ำ ถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและคืนทรัพยากรให้กับธรรมชาติ แต่พิธีกรรมนี้ก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของญาติผู้ล่วงลับด้วยเช่นกันว่าจะปฏิบัติหรือไม่ เพราะบางคนก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากแหล่งแม่น้ำใหญ่ และต้องการจะเก็บอัฐิไว้บูชาเองที่บ้าน

รวมบทสวดมนต์และคำกล่าวไว้อาลัยใน “พิธีลอยอังคาร” ที่ดีที่สุด

รวมบทสวดมนต์และคำกล่าวไว้อาลัยใน “พิธีลอยอังคาร” ที่ดีที่สุด

ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาทุก ๆ พิธี เราทุกคนคนไทยคงจะคุ้นชินกับบทสวดต่าง ๆ กันอยู่แล้ว แต่ละบทสวดก็จะมีความหมายแตกต่างกันไป ทุกบทสวดมีความศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงไปด้วยคติธรรมสอนใจ พิธีลอยอังคารก็มีบทสวดที่สำคัญเช่นกัน สวดไปพร้อม ๆ กับล่องเรือลอยอังคาร กลีบดอกไม้สด น้ำอบ โปรยลอยลงไปในสายน้ำที่เย็นสบาย เพื่อนำส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ

คำกล่าวบูชา/ขออนุญาตแม่ย่านางเรือ

เริ่มแรกก่อนการล่องเรือลอยอังคารจะต้องมีการบอกกล่าวแม่ย่านางเรือก่อนเสมอ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ว่า ๓ จบ )

นะมัตถุ นาวานิวาสินิยา เทวะตายะ อิมินา สักกาเรนะ นาวานิวาสินิง เทวะตัง ปูเชมิ.

ข้าพเจ้าขอน้อมไหว้บูชาแม่ย่านางเรือ ผู้คุ้มครองรักษาเรือลำนี้ ด้วยเครื่องสักการะนี้

ด้วยข้าพเจ้า พร้อมด้วยญาติมิตร ขออนุญาตนำอัฐิและอังคาร ของ ………………(ชื่อผู้วายชนม์) ลงเรือลำนี้ไปลอยในทะเล ขอแม่ย่านางเรือ ได้โปรดอนุญาตให้นำอัฐิและอังคารลงเรือได้ และได้โปรดคุ้มครองรักษา ให้ข้าพเจ้าและญาติมิตร กระทำพิธีลอยอัฐิและอังคารด้วยความสะดวกและปลอดภัย โดยประการทั้งปวงเทอญ.

คำกล่าวบูชา/กล่าวฝากอังคาร กับเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร

นะโม ตัสสะ/ ภะคะวะโต/ อะระหะโต/ สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ว่า ๓ จบ )

นะมัตถุ อิมัสสัง มะหานะทิยา อธิวัตถานัง สุรักขันตานัง สัพพะเทวานัง อมินา สักกาเรนะ สัพพะเทเว ปูเชมะ

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมไหว้บูชา เจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร และเทพยดาทั้งหลาย ผู้สถิตคุ้มครองรักษาอยู่ในทะเลนี้

ด้วยเครื่องสักการะนี้

ด้วยข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ประกอบกุศลกิจ อุทิศส่วนบุญแด่ ………………(ชื่อผู้วายชนม์) และ ณ บัดนี้ จักได้ประกอบพิธี ลอยอัฐิและอังคารของ ………………(ชื่อผู้วายชนม์) พร้อมกับขอฝากไว้ในความอภิบาลของเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร เจ้าแห่งทะเล และทวยเทพทั้งปวง

ขอเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร แม่ย่านางเรือ และเทพยดาทั้งหลาย ได้โปรดอนุโมทนา ดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของ………………(ชื่อผู้วายชนม์) จงเข้าถึงสุคติในสัมปรายภพ ประสพสุขในทิพยวิมานชั่วนิจนิรันดร์กาลเทอญ

คำกล่าวไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับ

ก่อนเสร็จพิธีล่องเรือลอยอังคาร ผู้ใกล้ชิด ญาติสนิทผู้ล่วงลับ ควรไว้อาลัยพร้อมกับตั้งอธิษฐานจิตขอขมากรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกิน ไม่ว่าจะทั้งทางกาย วาจา และใจ พร้อมกับบทแผ่เมตตา และสุดท้ายกล่าวขอบคุณผู้ล่วงลับสำหรับสิ่งดี ๆ ที่เคยได้กระทำร่วมกันมาด้วย

ในการกล่าวไว้อาลัยนี้ ไม่มีพิธีการเฉพาะเจาะจง เพียงแค่กล่าวเอ่ยคำพูดที่ออกมาจากใจด้วยความสัตย์จริง เพื่อให้ ผู้ล่วงลับได้รับรู้แล้วจากไปอย่างมีความสุข

บทสวดมนต์และคำกล่าวในพิธีการล่องเรือลอยอังคารแก่ผู้ล่วงลับที่นำมาแบ่งปันกันนี้ เป็นบทเฉพาะที่มีประกอบพิธีจริง ส่วนหากอยากมีการให้สวดมนต์ส่งดวงวิญญาณเพิ่มเติมตามความเชื่อ ทางญาติของผู้ล่วงลับสามารถกระทำได้ไม่ผิดอะไรและไม่ได้ทำให้การทำให้พิธีลอยอังคารนี้ไม่สำเร็จบรรลุผล

ไม่ใช่เพียงส่งดวงวิญญาณ “พิธีลอยอังคาร” มีคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด

ไม่ใช่เพียงส่งดวงวิญญาณ “พิธีลอยอังคาร” มีคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด

การเติบโตของเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้เกิดสิ่งก่อสร้างใหม่เพิ่มมากขึ้น หลายคนมองว่าอัตราการเสียชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้นสูงกว่าในอดีต แต่ลืมนึกไปว่าอัตราการเกิดใหม่ก็มีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ไหนยังจะมีผู้คนบางกลุ่มที่ยังมีอายุยืนอีกด้วย การใช้ทรัพยากรของมนุษย์จึงยังคงไม่ลดลง และมีแต่จะเพิ่มสูงมากกว่าเดิมจากอดีต

“พิธีลอยอังคาร” ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

เมื่อมีการแย่งการใช้ทรัพยากรมากขึ้น วัฒนธรรมและพิธีกรรมหลังความตายอย่างการฝังศพตามประเพณีความเชื่อนั้น จึงส่งผลกระทบต่อการใช้พื้นที่นั่นเอง การล่องเรือลอยอังคารจึงเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกได้ เพราะการฝังศพ 1 ชีวิต มีระยะเวลานานหลายปีกว่าลูกหลานจะขุดกระดูกของบรรพบุรุษมาเก็บไว้ วัฒนธรรมการฝังศพผู้ล่วงลับในปัจจุบันตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนไป แม้แต่ในศาสนาคริสต์บางพื้นที่ยังปรับเปลี่ยนมาเผากันบ้างแล้ว

ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่น ส่งผู้ล่วงลับสู่สันติสุข

นอกจากในเรื่องของการลดพื้นที่การเก็บอัฐิ หรือการฝังศพแล้ว การนำเถ้ากระดูกไปล่องเรือลอยอังคารทั้งหมด ไม่เก็บรักษาไว้ ไม่ได้แปลว่าคนที่ยังอยู่ต้องการตัดขาดหรืออยากลืมคนที่ล่วงลับไปแล้ว แต่เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในเรื่องของการ จองจำความคิด หรือการอาลัยอาวรณ์ การยึดติดกับสิ่งของที่ทำให้ไม่ปล่อยวาง

อย่างการยังเก็บอัฐิคนตายไว้ในบ้าน หากยังเห็นทุกวัน หลายคนก็ยังนึกถึงและเกิดความโศกเศร้าเสียใจ จนกลายเป็นตัดพ้อถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยกระทำไม่ดีต่อกันทั้งกาย วาจา ใจ แล้วย้อนกลับมาโทษตัวเอง จนเกิดความคิดลบ ๆ ส่งต่อให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นได้

แต่หากปล่อยวาง นำกระดูกไปล่องเรือลอยอังคารทั้งหมด ให้เหลือแต่ความทรงจำในใจ และส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ ตามความเชื่อแล้วจะดีต่อทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าหากฝ่ายคนที่ยังอยู่ยังทุกข์ใจ คิดถึง จะทำให้ดวงวิญญาณอยู่ไม่เป็นสุข ไปแล้วยังห่วงและเกิดความเศร้าหมองได้

ดังนั้น การนำอัฐิไปล่องเรือลอยอังคาร ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องสภาพจิตใจ การใช้ชีวิตของคนที่ยังอยู่ให้ปรกติสุขแล้ว ยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัวด้วย ทำให้เกิดพื้นที่ว่างในการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต

พิธีลอยอังคารในต่างประเทศ แตกต่างจากบ้านเราแค่ไหน

พิธีลอยอังคารในต่างประเทศ แตกต่างจากบ้านเราแค่ไหน

หลายคนที่ได้ดูซีรีส์หรือภาพยนตร์ต่างประเทศ จะมีซีนนั่งเรือแล้วทำพิธีการโปรยเถ้ากระดูกลอยสู่แม่น้ำ หรือที่เรียกว่าการล่องเรือลอยอังคารเหมือนบ้านเรา เชื่อว่าทุกคนคงตั้งคำถามไว้ในใจและสงสัยว่าการประกอบพิธีกรรมนี้ มีความแตกต่างจากบ้านเราอย่างไรบ้าง

ต้องมีการสวดมนต์หรือไหว้แม่ย่านางหรือไม่

จากข้อมูลส่วนใหญ่แล้ว การทำพิธีไหว้แม่ย่านางเรือ และเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร เห็นจะมีแค่เพียงในประเทศไทยกันส่วนมาก นั่นเป็นเพราะความเชื่อตามภูมิภาคที่ไม่เหมือนกัน หากจะโยงว่าในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีก็มีศาสนาพุทธเช่นเดียวกับของไทย ฉะนั้นการล่องเรือลอยอังคารย่อมต้องมีการนำสวดมนต์และขั้นตอนต่าง ๆ เหมือนกัน

แต่ถึงแม้ว่าทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี จะนับถือศาสนาพุทธด้วยเหมือนกัน แต่ก็เป็นคนละนิกายซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับความเชื่อ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ค่อนข้างต่างกันมาก จึงฟันธงไม่ได้เลยว่าทุกประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ จะต้องมีขั้นตอนการลอยอังคารที่เหมือนกัน

ทำไมที่ต่างประเทศถึงต้องมีการลอยอังคารผู้ล่วงลับ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลย คือประเทศสิงคโปร์ที่ปัจจุบันหันมานำอัฐิของคนในครอบครัวไปล่องเรือลอยอังคารกันมากขึ้น เพราะชาวสิงคโปร์ได้หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น อีกทั้งประเทศนี้ยังมีพื้นที่คับแคบ ทางรัฐบาลเองจึงสนับสนุนให้เปลี่ยนวิธีการฝังศพเป็นการเผาศพแทน แล้วนำอัฐินั้นไปลอยอังคารในแม่น้ำ

ส่วนในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีนั้น เป็นประเทศที่ไม่มีกฎหมายบังคับอยู่แล้วว่าจะต้องเอากระดูกไปเก็บไว้ที่สุสาน แต่ด้วยความเชื่อว่าเป็นลางไม่ดีต่อผู้อยู่อาศัยในบ้าน การเก็บเถ้ากระดูกคนตายไว้ที่บ้าน ก็ไม่นิยมเช่นเดียวกัน ซึ่งจากที่เห็นในละคร หากไม่นำไปล่องเรือลอยอังคารแล้ว ก็จะเผาไว้ก่อนแล้วนำมาเก็บไว้ที่บ้านก่อนจะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สุสานเสียมากกว่า

ลอยอังคารเหมือนกัน แต่ไม่มีพิธีเหมือนกัน

อย่างที่เกริ่นกันไปว่าคนญี่ปุ่นและเกาหลีจะไม่นิยมเก็บเถ้ากระดูกไว้ที่บ้าน เพราะส่วนใหญ่จะถือกันมาก ดังนั้นแม้จะนำไปล่องเรือลอยอังคารก็ตาม ในส่วนของพิธีกรรมการสวดบูชา การขอขมาต่าง ๆ นั้น จะไม่ได้มีขั้นตอนมากมายเหมือนของประเทศไทย ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีฐานะ จะพายเรือนำอัฐิไปลอยเอง แต่หากมีฐานะขึ้นมาหน่อย จะมีการโปรยดอกไม้ มีการยืนไว้อาลัย และมีประธานในพิธีเช่นเดียวกับของคนไทย

มาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงพอจะเข้าใจความหมายของการล่องเรือลอยอังคารกันมากขึ้น ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงแล้ว คือการส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น หรือจะเป็นดินแดนสวรรค์ ซึ่งขั้นตอนในการประกอบพิธีนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น แต่สิ่งสำคัญคือจิตใจที่มุ่งหมายให้ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับนั้นไปสู่สุคติมากกว่า

5 สถานที่ลอยอังคาร ที่ผู้คนนิยมไปทำพิธีกันมากที่สุด

5 สถานที่ลอยอังคาร ที่ผู้คนนิยมไปทำพิธีกันมากที่สุด

ปัจจุบันการล่องเรือลอยอังคารทำพิธีโปรยเถ้ากระดูกนั้น เริ่มนิยมทำกันเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นไม่ใช่แค่ที่เฉพาะในกรุงเทพมหานคร เพราะพิธีกรรมนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนไทยในเรื่องโลกหลังความตาย การทำแบบนี้ก็เพื่อส่งดวงวิญญาณไปสู่ภพภูมิใหม่ ไปเกิดใหม่ในโลกที่สงบร่มเย็น รวมไปถึงความเชื่อที่ว่าโลกหน้าของผู้ตายจะเกิดเป็นคนที่มีรูปร่างสวยงาม รวยทรัพย์ จากสิ่งที่โปรยลงไปพร้อมเถ้ากระดูกนั้นด้วย เช่น ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ดอกไม้ที่มีความหมายถึงความร่ำรวย เป็นต้น

5 สถานที่ที่มีผู้นิยมไปทำพิธีล่องเรือลอยอังคารกันมากที่สุด

1.ท่าเรือปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

เป็นหนึ่งสถานที่ที่มีผู้คนนิยมล่องเรือลอยอังคารกันมากที่สุด และมีการประกอบพิธีนี้กันมานานแล้ว ซึ่งเป็นท่าน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้างใหญ่ ตามความเชื่อแล้วหากลอยอังคารกับแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ภพหน้าของผู้ล่วงลับจะได้อยู่ในสถานที่ดี ถ้าได้เกิดเป็นคนอีกครั้งก็จะเป็นคนกว้างขวาง ร่ำรวย

2.หน้าวัดหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา

สถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เพราะนอกจากผู้เข้าร่วมพิธีจะได้ร่วมทำบุญให้กับผู้ล่วงลับกับวัดนี้แล้ว จุดล่องเรือลอยอังคารแม่น้ำหน้าวัดยังเป็นจุดที่เรียกว่า “สะดือมังกร” หรือ “จุดมงคล” เพราะเป็นจุดที่มองเห็นองค์หลวงพ่อโสธรพอดี ถือว่าเป็นมงคลยิ่งนัก

3.ท่าน้ำวัดโกรกกราก จังหวัดสมุทรสาคร

วัดโกรกกรากนี้เป็นวัดเก่าแก่ และติดอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นที่สักการบูชาและถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง หากได้มาเยือนหรือประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่วัดแห่งนี้ หรือแม้แต่การลอยอังคารผู้ล่วงลับ ก็จะทำให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ

4.สโมสรโรงเรียนนายเรือ ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ

สโมสรโรงเรียนนายเรือ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีล่องเรือลอยอังคารกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะไม่ใช่จุดลอยหน้าวัด แต่ก็เป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ เดินทางสะดวก แม่น้ำใสสะอาดอีกด้วย

5.กองการฝึก กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ท่าเรือแหลมเทียน จังหวัดชลบุรี

หากต้องการลอยอังคารในจุดท่าเรือที่ใหญ่ ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน และเงียบสงบ แนะนำสถานที่นี้เลย หลายคนนิยมไปสถานที่ที่เกี่ยวกับทหารนี้ เพราะมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณผู้ล่วงลับจะเข้มแข็ง โลกภายหน้าจะมีชีวิตมั่นคง

ทั้ง 5 สถานที่ที่ได้แนะนำนี้ เป็นสถานที่ที่ได้ประกอบพิธีล่องเรือลอยอังคารในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 5 แห่งนี้จะมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะไปทำพิธีที่ไหน สิ่งสำคัญคือ การตั้งจิตอธิษฐานขอขมาส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับด้วยใจจริง และพร้อมปล่อยวางอย่างหมดสิ้น

“พิธีลอยอังคาร” ส่งจิตสุดท้ายของคนที่เรารักสู่สัมปรายภพ

“พิธีลอยอังคาร” ส่งจิตสุดท้ายของคนที่เรารักสู่สัมปรายภพ

พิธีกรรมนี้เป็นความเชื่อที่เผยแพร่สืบต่อกันมานานแล้ว เหตุผลที่คนไทยหันมาส่งดวงวิญญาณด้วยการลอยอังคาร โดยอ้างอิงมาจากศาสนาฮินดูและผู้ที่นับถือศาสนานี้อาศัยอยู่ในประเทศไทย การล่องเรือลอยอังคารของผู้ตาย ตามทฤษฎีแนวความคิดคือ เชื่อว่าร่างกายของมนุษย์เรานั้นเกิดมาจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และเมื่อร่างกายสูญสลายไปจะต้องมีการชำระล้างบาปหรือสิ่งไม่ดีที่ได้เคยกระทำไว้ด้วยน้ำ ดังนั้นการโปรยเถ้ากระดูกลงน้ำ เป็นการชำระล้างสิ่งเก่า ๆ เพื่อเริ่มต้นใหม่ นั่นคือ การทำให้ดวงวิญญาณของผู้ตายนั้นไปเกิดใหม่หรือขึ้นสวรรค์

การลอยอังคาร ควรทำตอนไหนดีที่สุด

ถ้าเป็นเรื่องของการส่งจิตดวงวิญญาณด้วยใจ มนุษย์เราจะให้อธิษฐานให้แก่กันหรือปล่อยวางได้ทุกเมื่อ แต่สำหรับพิธีกรรมการล่องเรือลอยอังคารนี้ แม้ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอน และสามารถเลือกเวลาหรือฤกษ์ยามที่สะดวกได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้คนจะนิยมประกอบพิธีกันในช่วงกลางวัน ประมาณเวลา 10.00 – 13.00 น. เพราะหลายท่านจะเลือกทำพิธีนี้หลังจากที่เก็บกระดูกผู้ตายในช่วงเช้าเสร็จแล้ว จึงเริ่มมาทำพิธีนี้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมและเสร็จพร้อมกันภายในวันเดียว

ทำไมถึงต้องไหว้แม่ย่านางและเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร

ตามธรรมเนียมของคนไทยที่สั่งสอนกันมา ไม่ว่าจะเข้าออกบ้านใคร หรือทำกิจธุระใดจะต้องมีการขออนุญาตก่อนทุกครั้ง การล่องเรือลอยอังคารทำพิธีส่งดวงวิญญาณคนตายด้วยก็เช่นกัน ตามความเชื่อของคนไทยจะเชื่อว่าเรือทุกลำจะเป็นแม่ย่านางคอยปกป้องคุ้มครองอยู่ ฉะนั้นก่อนจะล่องเรือ จะต้องมีการขออนุญาตด้วยธูปเทียนดอกไม้ก่อนทุกครั้ง

ส่วนเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดรนั้น เป็นชื่อเรียกแทนแม่น้ำใหญ่ ซึ่งแม่น้ำที่กว้างใหญ่นี้ย่อมต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกครองอยู่ การจะลอยหรือนำสิ่งต่าง ๆ ลงสู่แม่น้ำ จึงต้องมีการกล่าวบูชาและขออนุญาตด้วยเช่นกัน เพื่อเปิดทางพร้อมนำทางให้ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับไปสู่จุดหมายยังโลกหน้า หรือภพภูมิใหม่ที่ดีกว่าเดิม

การล่องเรือลอยอังคารส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ เป็นอีกพิธีกรรมหนึ่งที่สำคัญไปแล้วในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะส่งจิตสุดท้ายของผู้ตายไปสู่สุคติแล้ว ผู้ที่ยังอยู่ยังได้รู้สึกปลดปล่อย ปล่อยวาง เสมือนได้ส่งผู้ล่วงลับไปเกิดใหม่ ไม่มีทุกข์ ไม่มีห่วงในโลกเก่าอีกต่อไป

บริการหลังความตาย “เรือลอยอังคาร” ส่งดวงวิญญาณแด่ผู้ล่วงลับ

บริการหลังความตาย “เรือลอยอังคาร” ส่งดวงวิญญาณแด่ผู้ล่วงลับ

การส่งดวงวิญญาณให้แด่ผู้ล่วงลับนั้น ถือว่าเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งทางพุทธศาสนาตามความเชื่อของคนไทย ที่นิยมนำอัฐิไปล่องเรือลอยอังคารในแม่น้ำหลังจากที่มีการเผาร่างผู้เสียชีวิตและมีการเก็บเถ้ากระดูกเรียบร้อยแล้ว เป็นขั้นตอนสุดท้ายของพิธีส่งดวงวิญญาณสู่สัมปรายภพ โดยมีความเชื่อที่ว่าธาตุทั้ง 4 ที่แตกสลายแล้ว จะรวมตัวเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี

เหตุผลที่ผู้คนนิยมใช้บริการ “เรือลอยอังคาร” กันมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นในซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือในชีวิตจริง เราจะเห็นพิธีกรรมหลังความตายด้วยการล่องเรือลอยอังคารกันมากขึ้น เพราะการจะลอยอัฐิผู้ล่วงลับนั้นจะลอยริมแม่น้ำลำคลอง แม่น้ำมูลใกล้เคียงบ้านเรือนของชาวบ้าน หรือริมแม่น้ำไม่ได้ เพราะนอกจากจะเป็นการรบกวนการใช้ชีวิตของผู้คนที่มีบ้านติดแม่น้ำแล้ว การลอยอัฐิตรงริมแม่น้ำ อาจจะดูไม่เหมาะสมหรือไม่ให้เกียรติกับผู้ล่วงลับ ควรจะล่องเรือไปกลางแม่น้ำแล้วลอยอังคารมากกว่า

พิธีกรรมในการลอยอังคารจะต้องทำอย่างไรบ้าง

ขั้นตอนในการทำพิธีกรรมลอยอังคารนั้น จะทำในระหว่างการล่องเรือลอยอังคาร โดยเริ่มตั้งแต่การมีประธานนำสวดบูชาแม่ย่านางเรือ การขออนุญาตแม่ย่านางเรือเพื่อนำอัฐิผู้ล่วงลับโดยสารเรือไปยังกลางแม่น้ำ แล้วต่อมาจึงมีการสวดบูชาเจ้าแม่นที ท้าวสีทันดร ซึ่งเป็นเทพยดารักษาและปกป้องแม่น้ำ เป็นเจ้าสมุทรที่ยิ่งใหญ่ เพื่อขอให้ช่วยนำส่งดวงวิญญาณไปสู่สุคติ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว จึงให้ญาติโยมกล่าวคำไว้อาลัย ยืนสงบนิ่งก่อนที่จะเริ่มลอยอังคาร

ดอกไม้ที่นิยมใช้ในการลอยอังคาร

การโปรยดอกไม้เป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมในระหว่างล่องเรือลอยอังคาร และส่วนใหญ่จะนิยมใช้ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบหลากหลายสี แต่หากผู้ล่วงลับนั้นมีความชื่นชอบดอกไม้ชนิดอื่นเป็นพิเศษ ก็ไม่เป็นข้อห้ามอะไรที่ญาติผู้ล่วงลับจะนำดอกไม้นั้นมาโปรยด้วยก็ได้ แต่หลายคนก็หาดอกไม้ที่มีความหมายเป็นมงคล ความหมายดีที่แสดงถึงการเกิดใหม่ ความโชคดี นำมาโปรยพร้อมเถ้ากระดูกตามความเชื่อ

พิธีกรรมการ “ลอยอังคาร” ถึงจะไม่ได้เป็นข้อบังคับให้ต้องทำทุกบ้าน แต่หากใครที่สนใจอยากส่งดวงวิญญาณให้ผู้ล่วงลับด้วยการล่องเรือลอยอังคารกลางแม่น้ำใหญ่ ไม่ควรล่องเรือไปด้วยตัวเอง ควรจะมองหาผู้ที่เชี่ยวชาญในการขับเรือเป็นประจำ และคุ้นเคยอยู่กับสายน้ำนั้น เพราะยิ่งหากเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ย่อมมีน้ำไหลลึกและเชี่ยว เพื่อความปลอดภัยและให้การส่งดวงวิญญาณนั้นลุล่วงไปด้วยดี อย่างน้อยก็ควรให้คนที่ขับเรือเก่ง ๆ พาไปดีกว่า