ความเชื่อ “พิธีลอยอังคาร” ทำแล้วช่วยให้ดวงวิญญาณไปสู่ดินแดนอันสงบสุข
แม้ไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าคนที่ตายแล้วดวงวิญญาณจะไปอยู่ที่ไหน บ้างก็ว่าหากทำดีก็ได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากทำชั่วก็จะตกนรกชดใช้กรรม แต่ไม่ว่าจะเมื่อยังมีชีวิตอยู่จะทำกรรมดีมามากน้อยแค่ไหน ญาติผู้ล่วงลับก็ประสงค์ที่จะทำพิธีกรรมอย่างเช่นการล่องเรือลอยอังคาร เพื่อส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับให้ไปสู่ในที่สงบ และเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี แม้จะอยู่ในภพใดก็ปรารถนาให้มีชีวิตใหม่ที่ดี จึงหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เรื่อย ๆ หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
“คืนสู่สายน้ำ” เพื่อการเกิดใหม่ที่ร่มเย็น
ถ้าจะให้พูดถึง “น้ำ” ก็มีความหมายกับทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตบนโลกใบนี้ ทั้งร่างกายของคนเราที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายมากถึง 70% และน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของต้นไม้และพืชต่าง ๆ ให้เติบโต
“น้ำ” ยังหมายถึงความเย็นใจ เบาใจ ราบรื่น และในทางฮวงจุ้ยเอง สายน้ำก็มีความหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง ดังนั้น การล่องเรือลอยอังคารโปรยเถ้ากระดูกผู้ล่วงลับลงสู่แม่น้ำ จึงผสานความเชื่อความคิดในแง่บวกหลายอย่าง นอกจากจะให้ดวงวิญญาณสงบสุข ร่มเย็นในภพหน้า ดับความทุกข์ร้อนหมดสิ้นแล้วในชาตินี้ หากได้เกิดใหม่อีกครั้ง จะอุดมพร้อมไปด้วยร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และไม่ขัดสน มีทรัพย์สินเงินทองใช้
การเก็บอัฐิผู้ตายไว้ในบ้านไม่เป็นมงคล
ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อว่าการเก็บของที่พัง แตกหัก หมดอายุ รวมไปถึงเถ้ากระดูกคนที่ตายแล้วไว้ในบ้าน จะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีงามขึ้นในบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อน การทำอะไรติดขัด หรือการฝันร้ายบ่อย ๆ
ฝากดวงวิญญาณให้กับพระแม่คงคา
อีกหนึ่งความเชื่อที่สืบต่อกันมาคือ การล่องเรือลอยอังคารลอยอัฐิลงแม่น้ำ เป็นการฝากดวงวิญญาณผู้ล่วงลับให้พระแม่คงคา เทพผู้รักษาน้ำช่วยนำพาไปสู่สัมปรายภพ และเป็นการนำเถ้าถ่านของมนุษย์กลับคืนสู่ธรรมชาติตามความเชื่อของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู เนื่องจากว่ามนุษย์นั้นเกิดมาจากธรรมชาติและถูกสร้างมาจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การล่องเรือลอยอังคารนี้ ก็เปรียบเสมือนการละวาง ปล่อยวาง ไม่ยึดติดในรูปลักษณ์สังขารที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อสิ้นลมหายใจแล้วร่างกายจึงสูญสลาย เหลือเพียงเถ้าถ่านที่ไร้จิตวิญญาณเท่านั้น การระลึกถึงกันเก็บความทรงจำ และจดจำคุณงามความดีของผู้ที่ล่วงลับแล้วจึงเป็นเรื่องที่ดีของคนที่ยังอยู่มากกว่า