ไม่ใช่เพียงส่งดวงวิญญาณ “พิธีลอยอังคาร” มีคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด
การเติบโตของเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้เกิดสิ่งก่อสร้างใหม่เพิ่มมากขึ้น หลายคนมองว่าอัตราการเสียชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้นสูงกว่าในอดีต แต่ลืมนึกไปว่าอัตราการเกิดใหม่ก็มีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ไหนยังจะมีผู้คนบางกลุ่มที่ยังมีอายุยืนอีกด้วย การใช้ทรัพยากรของมนุษย์จึงยังคงไม่ลดลง และมีแต่จะเพิ่มสูงมากกว่าเดิมจากอดีต
“พิธีลอยอังคาร” ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
เมื่อมีการแย่งการใช้ทรัพยากรมากขึ้น วัฒนธรรมและพิธีกรรมหลังความตายอย่างการฝังศพตามประเพณีความเชื่อนั้น จึงส่งผลกระทบต่อการใช้พื้นที่นั่นเอง การล่องเรือลอยอังคารจึงเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกได้ เพราะการฝังศพ 1 ชีวิต มีระยะเวลานานหลายปีกว่าลูกหลานจะขุดกระดูกของบรรพบุรุษมาเก็บไว้ วัฒนธรรมการฝังศพผู้ล่วงลับในปัจจุบันตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนไป แม้แต่ในศาสนาคริสต์บางพื้นที่ยังปรับเปลี่ยนมาเผากันบ้างแล้ว
ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่น ส่งผู้ล่วงลับสู่สันติสุข
นอกจากในเรื่องของการลดพื้นที่การเก็บอัฐิ หรือการฝังศพแล้ว การนำเถ้ากระดูกไปล่องเรือลอยอังคารทั้งหมด ไม่เก็บรักษาไว้ ไม่ได้แปลว่าคนที่ยังอยู่ต้องการตัดขาดหรืออยากลืมคนที่ล่วงลับไปแล้ว แต่เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในเรื่องของการ จองจำความคิด หรือการอาลัยอาวรณ์ การยึดติดกับสิ่งของที่ทำให้ไม่ปล่อยวาง
อย่างการยังเก็บอัฐิคนตายไว้ในบ้าน หากยังเห็นทุกวัน หลายคนก็ยังนึกถึงและเกิดความโศกเศร้าเสียใจ จนกลายเป็นตัดพ้อถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยกระทำไม่ดีต่อกันทั้งกาย วาจา ใจ แล้วย้อนกลับมาโทษตัวเอง จนเกิดความคิดลบ ๆ ส่งต่อให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นได้
แต่หากปล่อยวาง นำกระดูกไปล่องเรือลอยอังคารทั้งหมด ให้เหลือแต่ความทรงจำในใจ และส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ ตามความเชื่อแล้วจะดีต่อทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าหากฝ่ายคนที่ยังอยู่ยังทุกข์ใจ คิดถึง จะทำให้ดวงวิญญาณอยู่ไม่เป็นสุข ไปแล้วยังห่วงและเกิดความเศร้าหมองได้
ดังนั้น การนำอัฐิไปล่องเรือลอยอังคาร ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องสภาพจิตใจ การใช้ชีวิตของคนที่ยังอยู่ให้ปรกติสุขแล้ว ยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัวด้วย ทำให้เกิดพื้นที่ว่างในการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต