จุดเริ่มต้น “พิธีลอยอังคาร” แท้จริงแล้วมาจากศาสนาไหน
ในประเทศไทยมีผู้คนนับถือศาสนากันอย่างหลากหลาย อย่างเช่นศาสนาคริสต์, ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย ซึ่งในทางศาสนาพุทธเมื่อมีคนตายจะใช้วิธีการเผาศพ เมื่อเก็บเถ้ากระดูกแล้วบ้างก็เก็บไว้บูชาบรรพบุรุษไว้ที่บ้านเป็นที่ระลึก บ้างก็เก็บอัฐิไว้ในโกศที่สร้างเจดีย์ไว้ แต่ปัจจุบันเราจะเห็นผู้คนล่องเรือลอยอังคารโปรยเถ้ากระดูกผู้ล่วงลับลงในแม่น้ำกันมากขึ้น และหากจะให้ย้อนประวัติศาสตร์ไทย ก็ไม่ได้มีข้อมูลพบว่าการลอยอัฐินี้เป็นข้อบังคับให้ต้องทำหลังเผาศพผู้ตาย แล้วการลอยอังคารนี้เริ่มต้นมาจากไหนกันแน่
ทำไมต้องเรียกเถ้ากระดูกว่า “อังคาร”
คำว่า “อังคาร” สำหรับภาษาไทยนั้น หมายถึงวันอังคาร วันที่ 3 ของสัปดาห์ จึงทำให้คนไทยหลายคนงุนงงสับสนว่าทำไมเถ้ากระดูกถึงต้องเรียกว่า “อังคาร” แต่ความจริงแล้ว เถ้าที่เกิดจากการเผาศพแล้วกลายเป็นก้อนถ่านนั้น เป็นคำในภาษาบาลี-สันสกฤต ที่อ่านว่า องฺคาร (อัง-คา-ระ) มีความหมายว่า “ถ่าน” ที่หมายความรวมถึงถ่านที่ทั้งติดไฟและไม่ติดไฟ และเป็นความหมายเดียวกันกับเถ้ากระดูก คำว่า “อังคาร” จึงแปลว่า เถ้าถ่านที่เกิดจากกระดูกที่ถูกเผาหมดสิ้นแล้วนั่นเอง
ที่มาของการล่องเรือลอยอังคาร มีจุดเริ่มต้นมาจากไหน
ด้วยความที่วัฒนธรรมของคนไทยมักจะประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ผสมผสานมาจากศาสนาอื่นรวมอยู่ด้วย จึงมีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ ที่มาของการล่องเรือลอยอังคารนี้ มาจากแนวความเชื่อของศาสนาฮินดู ประเทศอินเดีย ที่มีวัฒนธรรมการเผาศพผู้ตายบนเชิงตะกอน แล้วปล่อยให้ลอยบนแม่น้ำ เมื่อศพถูกเผาไหม้หมดแล้วเหลือแต่เถ้ากระดูกก็จะถูกกลืนลงในแม่น้ำโดยปริยาย เป็นทฤษฎีความเชื่อที่ว่าเป็นการล้างบาปให้กับดวงวิญญาณก่อนที่จะขึ้นสวรรค์
แต่อีกแนวความเชื่อหนึ่งก็คือ พิธีการล่องเรือลอยอังคารโปรยอัฐิผู้ล่วงลับนี้ มีมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว โดยในสมัยก่อนพื้นที่อยู่อาศัยของผู้คนยังเป็นป่า ไม่มีเมรุ เมื่อมีการเผาศพทำให้เถ้ากระดูกนั้นกองอยู่บนพื้นขาวโพลนทั่วไปหมด จนกลายเป็นภาพที่ไม่น่ามอง และยังถูกเหยียบไปมาจากคนและสัตว์ จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้มีการเก็บเถ้ากระดูกไว้ โดยส่วนหนึ่งนำไปบูชาไว้ที่บ้านและอีกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ก็สร้างเจดีย์ไว้เก็บเถ้ากระดูก ส่วนชาวบ้านธรรมดาก็จะนำเถ้ากระดูกนั้นไปโปรยลงแม่น้ำ
หากมองภาพรวมแล้ว จุดเริ่มต้นของการล่องเรือลอยอังคารมีความเป็นไปได้ทั้งสองแนวคิด แต่ถ้าย้อนกลับมามองที่ปัจจุบันแล้ว การลอยอัฐิลงแม่น้ำ ถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและคืนทรัพยากรให้กับธรรมชาติ แต่พิธีกรรมนี้ก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของญาติผู้ล่วงลับด้วยเช่นกันว่าจะปฏิบัติหรือไม่ เพราะบางคนก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากแหล่งแม่น้ำใหญ่ และต้องการจะเก็บอัฐิไว้บูชาเองที่บ้าน